คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร? พามือใหม่เข้าใจครบจบในที่เดียว!

เทคโนโลยี2 days ago68 Views

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับมือใหม่ที่สนใจแต่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ทำงานอย่างไร และจะเริ่มต้นได้อย่างไร บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจคริปโทเคอร์เรนซีแบบครบจบในที่เดียว!

Cryptocurrency คืออะไร?

คริปโทเคอร์เรนซี หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “คริปโทฯ” คือ สกุลเงินดิจิทัล (Digital Currency) รูปแบบหนึ่งที่ไม่มีตัวตนจับต้องได้เหมือนเงินสดทั่วไป ถูกสร้างและบริหารจัดการด้วย ระบบเข้ารหัส (Cryptography) ทำให้มีความปลอดภัยสูงและยากต่อการปลอมแปลง คริปโทเคอร์เรนซีทำงานบนเทคโนโลยีที่เรียกว่า บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ ทำให้การทำธุรกรรมมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานกลางใดๆ เช่น ธนาคารกลาง หรือรัฐบาล ซึ่งแตกต่างจากสกุลเงินปกติ (Fiat Currency) ที่ออกโดยรัฐบาลและธนาคารกลาง

Bitcoin ซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีตัวแรก ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 โดยบุคคลหรือกลุ่มคนที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบการเงินแบบ Peer-to-Peer ที่ไม่ต้องผ่านตัวกลาง ซึ่งได้เปิดประตูสู่โลกของสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่มีการรวมศูนย์ (Decentralized) และความสามารถในการทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างผู้ใช้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสถาบันการเงิน

ประโยชน์ของ Cryptocurrency

การใช้คริปโทเคอร์เรนซีมีประโยชน์หลายประการที่แตกต่างจากระบบการเงินแบบดั้งเดิม:

  • ความปลอดภัยสูง (High Security): ด้วยระบบการเข้ารหัสแบบ Cryptography ที่ซับซ้อน เช่น Hashing และ Digital Signatures ทำให้การทำธุรกรรมคริปโทฯ มีความปลอดภัยสูง ข้อมูลธุรกรรมถูกบันทึกแบบเข้ารหัสและเชื่อมโยงกัน ทำให้การปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูลเป็นไปได้ยากมาก
  • ค่าธรรมเนียมต่ำ (Lower Fees): เมื่อเทียบกับการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านธนาคาร ซึ่งมักมีค่าธรรมเนียมสูงและใช้เวลานาน การทำธุรกรรมคริปโทฯ มักมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ามาก โดยเฉพาะเมื่อทำธุรกรรมในปริมาณมาก หรือเมื่อใช้เครือข่ายที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ
  • ความรวดเร็ว (Faster Transactions): การทำธุรกรรมคริปโทฯ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการโอนเงินข้ามประเทศที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือวินาที ขึ้นอยู่กับความแออัดของเครือข่ายและค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้ยินดีจ่าย แตกต่างจากการโอนเงินข้ามประเทศแบบดั้งเดิมที่อาจใช้เวลาหลายวันทำการ
  • เข้าถึงได้ง่าย (Accessibility): ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงและใช้งานคริปโทฯ ได้ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร หรือเอกสารซับซ้อน ทำให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม (Unbanked Population)
  • ความโปร่งใส (Transparency): ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกบนบล็อกเชน ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทสาธารณะที่ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ (Pseudo-anonymous) ทำให้เกิดความโปร่งใสและลดโอกาสในการทุจริต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานจะถูกเข้ารหัส และแสดงเป็นที่อยู่กระเป๋าเงินดิจิทัลเท่านั้น
  • ไม่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานกลาง (Decentralization): ไม่มีธนาคารกลาง รัฐบาล หรือหน่วยงานใดๆ ควบคุมคริปโทเคอร์เรนซีโดยตรง ทำให้มีความเป็นอิสระและเป็นทางเลือกให้กับระบบการเงินแบบดั้งเดิม ลดความเสี่ยงจากการแทรกแซงทางการเมือง หรือการตรวจสอบควบคุมจากภาครัฐ

Cryptocurrency มีหลักการทำงานอย่างไร?

หัวใจหลักของคริปโทเคอร์เรนซีคือ บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology – DLT) ที่บันทึกธุรกรรมต่างๆ เป็น “บล็อก” และเชื่อมโยงบล็อกเหล่านั้นเข้าด้วยกันเป็น “เชน” หรือสายโซ่

เมื่อมีธุรกรรมใหม่เกิดขึ้น (เช่น นาย A โอน Bitcoin 1 BTC ให้กับนาย B):

  1. การสร้างธุรกรรม: ธุรกรรมจะถูกสร้างขึ้นพร้อมลายเซ็นดิจิทัลของผู้ส่ง
  2. การส่งไปยังเครือข่าย: ธุรกรรมจะถูกส่งไปยังเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer ของผู้เข้าร่วม (Nodes)
  3. การตรวจสอบและยืนยัน: Nodes ในเครือข่าย (โดยเฉพาะ นักขุด – Miners ใน Proof-of-Work หรือ Validators ใน Proof-of-Stake) จะแข่งขันกันเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม โดยต้องแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน (Computational Puzzle) เพื่อยืนยันบล็อก
  4. การเพิ่มบล็อก: เมื่อบล็อกถูกตรวจสอบและยืนยันโดย Nodes ส่วนใหญ่ในเครือข่าย บล็อกนั้นจะถูกเพิ่มเข้าไปในสายโซ่บล็อกเชนที่บันทึกข้อมูลย้อนหลังทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในบล็อกที่ถูกเพิ่มไปแล้วได้
  5. การกระจายข้อมูล: สำเนาของบล็อกเชนที่อัปเดตจะถูกกระจายไปยัง Nodes ทั้งหมดในเครือข่าย เพื่อให้ทุกคนมีข้อมูลที่ตรงกันและเป็นปัจจุบัน

คุณสมบัติสำคัญของบล็อกเชนคือ:

  • การกระจายศูนย์ (Decentralized): ไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเป็นศูนย์กลาง ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายมีสำเนาข้อมูลของบล็อกเชนเหมือนกัน ทำให้ยากต่อการถูกโจมตีหรือแก้ไขข้อมูลจากจุดเดียว
  • ความไม่เปลี่ยนรูป (Immutable): เมื่อข้อมูลถูกบันทึกลงในบล็อกเชนแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้ เนื่องจากแต่ละบล็อกมีการเชื่อมโยงกับบล็อกก่อนหน้าด้วย Cryptographic Hash ทำให้หากมีการแก้ไขบล็อกใดบล็อกหนึ่ง บล็อกถัดไปทั้งหมดก็จะใช้ไม่ได้ ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูง
  • การเข้ารหัส (Cryptography): ข้อมูลทุกอย่างถูกเข้ารหัส ทำให้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง โดยผู้ใช้จะถูกระบุด้วยที่อยู่กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง (Pseudo-anonymous)

มูลค่าของ Cryptocurrency เกิดจากอะไร?

มูลค่าของคริปโทเคอร์เรนซีไม่ได้ถูกกำหนดโดยทองคำหรือสินทรัพย์ใดๆ เหมือนเงินกระดาษ (Fiat Money) แต่เกิดจากปัจจัยหลายประการ ดังนี้:

  • อุปสงค์และอุปทาน (Supply and Demand): เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา หากมีความต้องการซื้อสูงกว่าปริมาณเหรียญที่มีอยู่ (อุปทานถูกจำกัด) ราคาจะสูงขึ้น และในทางกลับกัน
  • เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology & Innovation): โปรเจกต์คริปโทฯ ที่มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจ มีการนำไปใช้งานจริง (Utility) และสามารถแก้ปัญหาได้ จะมีแนวโน้มที่มูลค่าจะเพิ่มขึ้น รวมถึงความสามารถในการปรับขนาด (Scalability), ความปลอดภัย (Security), และการกระจายศูนย์ (Decentralization) ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของ Blockchain Trilemma
  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุน (Investor Confidence): ข่าวสารในแง่บวก การยอมรับจากสถาบันการเงิน หรือการใช้งานในวงกว้าง (Adoption) สามารถสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักลงทุนได้ ในทางกลับกัน ข่าวสารเชิงลบ หรือการโจมตีทางไซเบอร์อาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลงและราคาตก
  • จำนวนจำกัด (Scarcity): คริปโทฯ ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้มีจำนวนจำกัด (เช่น Bitcoin ที่มีเพียง 21 ล้านเหรียญ) ซึ่งสร้างความหายาก (Digital Scarcity) และอาจทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นได้ตามหลักเศรษฐศาสตร์
  • สภาพเศรษฐกิจโดยรวม (Macroeconomic Factors): สภาวะเศรษฐกิจโลก นโยบายของรัฐบาล เช่น อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ ก็สามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่าของคริปโทฯ ได้เช่นกัน โดยบางครั้งคริปโทฯ อาจถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Asset) ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง
  • การยอมรับจากภาครัฐและเอกชน (Regulatory Acceptance & Adoption): การที่รัฐบาลหรือบริษัทใหญ่ๆ เริ่มยอมรับคริปโทเคอร์เรนซีในการชำระเงิน หรือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการใช้งาน ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้น

Cryptocurrency มีประเภทเหรียญแบบไหนบ้าง?

คริปโทเคอร์เรนซีมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์และการใช้งานที่แตกต่างกันไป:

  1. คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) / เหรียญ (Coin):
    • Bitcoin (BTC): เป็นคริปโทเคอร์เรนซีแรกและใหญ่ที่สุด ออกแบบมาเพื่อเป็นระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ Peer-to-Peer โดยตรง มีขีดจำกัดสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ และใช้กลไก Proof-of-Work ในการยืนยันธุรกรรม
    • Ethereum (ETH): เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่อนุญาตให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) และสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ซึ่งปฏิวัติวงการ DeFi และ NFT เหรียญ ETH ถูกใช้เป็นค่าแก๊ส (Gas Fee) ในเครือข่ายเพื่อทำธุรกรรม
    • Altcoins: คือคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ ทั้งหมดที่ไม่ใช่ Bitcoin (เช่น Litecoin, Ripple (XRP), Cardano (ADA), Solana (SOL), Polkadot (DOT)) ซึ่งแต่ละเหรียญมีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น เน้นความเร็ว, ความสามารถในการปรับขนาด, หรือความเป็นส่วนตัว
  2. โทเคน (Token): โทเคนคือสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนของโปรเจกต์อื่น (เช่น บนเครือข่าย Ethereum โดยใช้มาตรฐาน ERC-20)
    • Utility Token: โทเคนที่ให้สิทธิ์ในการเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์บางอย่างภายในระบบนิเวศของโปรเจกต์นั้นๆ เช่น Filecoin (FIL) ใช้สำหรับซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ หรือ Basic Attention Token (BAT) ใช้สำหรับเป็นรางวัลในการดูโฆษณา
    • Security Token: โทเคนที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์จริง เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือรายได้จากบริษัท มีลักษณะคล้ายกับการลงทุนในหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม และมักอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์
    • Stablecoin: โทเคนที่มีมูลค่าผูกกับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ทองคำ หรือสกุลเงิน Fiat อื่นๆ เพื่อลดความผันผวนของราคา ทำให้เหมาะสำหรับการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและหลบเลี่ยงความผันผวนของตลาดคริปโทฯ ตัวอย่างเช่น USDT (Tether), USDC (USD Coin), BUSD (Binance USD)
  3. NFTs (Non-Fungible Tokens):
    • Non-Fungible Tokens (NFTs): โทเคนที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ แต่ละ NFT มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่เหมือนใคร (Unique) ไม่สามารถแบ่งย่อยได้ และไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับ NFT อื่นในลักษณะ 1:1 ได้ มักใช้แทนความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น งานศิลปะดิจิทัล เพลง วิดีโอ ของสะสมในเกม หรือที่ดินใน Metaverse

วิธีหาเงินจาก Cryptocurrency

มีหลายวิธีในการสร้างรายได้จากคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน:

  • ซื้อขาย (Trading): การซื้อเหรียญในราคาต่ำและขายในราคาสูง ซึ่งต้องอาศัยความรู้ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) สามารถทำกำไรได้ทั้งระยะสั้น (Day Trading, Scalping) และระยะกลาง (Swing Trading) แต่ก็มีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของราคา
  • การลงทุนระยะยาว (HODL): มาจากการสะกดผิดของคำว่า “Hold” ที่เป็นมีมในวงการคริปโทฯ หมายถึงการซื้อเหรียญและถือไว้เป็นเวลานาน โดยเชื่อว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตตามการเติบโตของเทคโนโลยีและการยอมรับในวงกว้าง วิธีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการเฝ้าดูกราฟตลอดเวลา และเชื่อมั่นในศักยภาพของโปรเจกต์ระยะยาว
  • การขุด (Mining): เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (เช่น ASIC Miners หรือ GPU Rigs) ในการประมวลผลและตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชน (โดยเฉพาะ Proof-of-Work เช่น Bitcoin) เพื่อแข่งขันกันแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และรับรางวัลเป็นเหรียญใหม่ที่สร้างขึ้น (ปัจจุบัน Ethereum ได้เปลี่ยนไปใช้ Proof-of-Stake แล้ว)
  • การ Staking: เป็นการล็อกเหรียญคริปโทฯ ไว้ในเครือข่าย (ในระบบ Proof-of-Stake) เพื่อช่วยในการยืนยันธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ผู้ที่ Stake เหรียญจะได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญเพิ่มเติม คล้ายกับการฝากเงินรับดอกเบี้ย
  • การให้กู้ยืม (Lending): การนำคริปโทฯ ที่ถืออยู่ไปให้กู้ยืมผ่านแพลตฟอร์ม DeFi (Decentralized Finance) หรือ Centralized Lending Platform เพื่อรับดอกเบี้ย โดยอาจมีหลักประกันหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม
  • Yield Farming: การนำคริปโทฯ ไปลงทุนในโปรโตคอล DeFi ที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อรับผลตอบแทนในรูปแบบของเหรียญใหม่ ค่าธรรมเนียม หรือรางวัลอื่นๆ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดและได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่อาจมีความเสี่ยงจาก Smart Contract Bug หรือ Impermanent Loss
  • AirDrop: การได้รับเหรียญฟรีจากการเข้าร่วมกิจกรรมของโปรเจกต์ การถือครองเหรียญบางประเภทตามเงื่อนไขที่กำหนด หรือการเป็นผู้ใช้ต้นๆ ของแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นการกระตุ้นการกระจายเหรียญและการรับรู้
  • Liquidity Providing (LP): การนำคู่เหรียญ (เช่น ETH/USDT) ไปใส่ใน Liquidity Pool ของ Decentralized Exchange (DEX) เพื่อเป็นสภาพคล่องให้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญได้ ผู้ให้บริการสภาพคล่องจะได้รับค่าธรรมเนียมจากการแลกเปลี่ยน

ภาษีคริปโทฯ

ในประเทศไทย กรมสรรพากร ได้กำหนดให้รายได้ที่เกิดจากคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 40 (4) (ซ) หรือ 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร

  • กำไรจากการขายคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล (Capital Gain): ส่วนต่างของราคาขายที่สูงกว่าราคาซื้อ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ซ) และจะต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้าสูงสุด 35% โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายได้เท่ากับต้นทุน
  • ผลตอบแทนจากการขุด, Staking, Lending, Airdrop, หรือกิจกรรมอื่นที่ได้รับเป็นคริปโทฯ: ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) และจะต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้าสูงสุด 35%

สิ่งสำคัญที่ควรรู้:

  • หักภาษี ณ ที่จ่าย: ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% จากผลกำไรที่เกิดขึ้นจากธุรกรรมของลูกค้า (มาตรา 50 (2) (ฉ)) อย่างไรก็ตาม ภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย 15% นี้ ไม่ได้เป็นภาษีสุดท้าย ผู้มีเงินได้ยังคงต้องนำเงินได้ทั้งหมดมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีอีกครั้ง และสามารถนำภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไปใช้เป็นเครดิตภาษีได้
  • การรายงาน: ผู้ที่มีรายได้จากคริปโทฯ มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีและชำระภาษีตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการบันทึกรายการซื้อขายและรายได้ทั้งหมดเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี
  • ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: เนื่องจากกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีคริปโทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงและมีความซับซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี หรือตรวจสอบประกาศจากกรมสรรพากรโดยตรง เพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง

วิธีเริ่มลงทุน Cryptocurrency

สำหรับมือใหม่ที่สนใจอยากเริ่มต้นลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:

  1. ศึกษาหาข้อมูล (Do Your Own Research – DYOR): ทำความเข้าใจพื้นฐานของบล็อกเชน คริปโทเคอร์เรนซีประเภทต่างๆ และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดก่อนการลงทุนเสมอ อย่าเชื่อตามคำแนะนำของผู้อื่นโดยไม่มีการตรวจสอบด้วยตนเอง
  2. เลือกแพลตฟอร์มซื้อขาย (Exchange): เลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เช่น Bitkub, Satang Pro (ควรตรวจสอบสถานะปัจจุบันของแพลตฟอร์มและข้อกำหนดของ ก.ล.ต. ก่อนใช้งานเสมอ เนื่องจากบางแพลตฟอร์มอาจอยู่ในกระบวนการปรับปรุงหรือมีข้อจำกัดบางประการ) หรือแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือสูง แต่ผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้านกฎหมายและข้อบังคับของประเทศนั้นๆ
  3. ยืนยันตัวตน (Know Your Customer – KYC): ทำตามขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่แพลตฟอร์มกำหนด ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับการอัปโหลดบัตรประชาชน การถ่ายรูปเซลฟี่ และการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อความปลอดภัย ป้องกันการฟอกเงิน และปฏิบัติตามกฎหมาย
  4. ฝากเงินบาท (Fiat On-Ramp): โอนเงินบาทเข้าสู่บัญชีบนแพลตฟอร์มที่คุณเลือก ผ่านช่องทางที่แพลตฟอร์มรองรับ เช่น โมบายแบงก์กิ้ง หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร
  5. เริ่มซื้อขาย (Start Trading): เมื่อเงินเข้าสู่บัญชีแล้ว คุณสามารถเลือกเหรียญที่คุณสนใจและเริ่มซื้อขายได้เลย โดยอาจเริ่มจากการซื้อเหรียญหลักๆ อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ก่อน
  6. เก็บรักษาสินทรัพย์อย่างปลอดภัย (Secure Your Assets): ควรเก็บเหรียญไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) ที่ปลอดภัย แทนที่จะเก็บไว้ใน Exchange ตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกแฮกหรือแพลตฟอร์มล่ม
    • Hot Wallet: กระเป๋าเงินที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (เช่น กระเป๋าเงินบน Exchange, Mobile Wallet, Web Wallet) สะดวกต่อการใช้งาน แต่มีความเสี่ยงสูงกว่า
    • Cold Wallet (Hardware Wallet): กระเป๋าเงินที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (เช่น Ledger, Trezor) เหมาะสำหรับการเก็บเหรียญจำนวนมากในระยะยาว มีความปลอดภัยสูงกว่า
  7. กระจายความเสี่ยง (Diversification): ไม่ควรลงทุนในเหรียญเดียว ควรพิจารณากระจายความเสี่ยงไปยังเหรียญหลายประเภท หรือสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน
  8. ลงทุนอย่างมีวินัย (Risk Management): กำหนดเป้าหมายการลงทุน, ทำความเข้าใจความเสี่ยง, และไม่ลงทุนในจำนวนเงินที่เกินกว่าที่สามารถยอมรับการสูญเสียได้ กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit)

การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูง และมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนได้ ผู้สนใจจึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เข้าใจความเสี่ยง และลงทุนในจำนวนเงินที่สามารถยอมรับการสูญเสียได้เสมอ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนในโลกของคริปโทเคอร์เรนซี!


ที่มาอ้างอิง (References)

[1] Nakamoto, S. (2008). Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System. Bitcoin.org. Retrieved from https://bitcoin.org/bitcoin.pdf

[2] Andreas M. Antonopoulos. (2017). Mastering Bitcoin: Programming the Open Blockchain. O’Reilly Media. (Chapter 4: Cryptography)

[3] Investopedia. (2024). What Is Cryptocurrency? How It Works, Types, and History. Retrieved from https://www.investopedia.com/terms/c/cryptocurrency.asp

[4] CoinDesk. (2024). What Are the Pros and Cons of Cryptocurrencies? Retrieved from https://www.coindesk.com/learn/what-are-the-pros-and-cons-of-cryptocurrencies/

[5] World Bank. (2021). Blockchain for Financial Inclusion. Retrieved from https://www.worldbank.org/en/topic/financialinclusion/brief/blockchain-for-financial-inclusion

[6] Ethereum.org. (2024). What is Ethereum? (Section: Transparency). Retrieved from https://ethereum.org/en/what-is-ethereum/

[7] Narayanan, A., et al. (2016). Bitcoin and Cryptocurrency Technologies: A Comprehensive Introduction. Princeton University Press. (Chapter 1: Introduction to Cryptocurrencies)

[8] Investopedia. (2024). Blockchain Explained. Retrieved from https://www.investopedia.com/terms/b/blockchain.asp

[9] Bitcoin Wiki. (2024). Proof of work. Retrieved from https://en.bitcoin.it/wiki/Proof_of_work

[10] IBM. (2024). What is blockchain? Retrieved from https://www.ibm.com/topics/what-is-blockchain

[11] PwC. (2020). Blockchain and distributed ledger technology. Retrieved from https://www.pwc.com/sg/en/financial-services/fintech/blockchain-distributed-ledger-technology.html

[12] Ethereum.org. (2024). Blockchain basics. (Section: Immutability). Retrieved from https://ethereum.org/en/developers/docs/blocks/

[13] BitMEX Research. (2016). Privacy on the Bitcoin Blockchain. Retrieved from https://blog.bitmex.com/privacy-on-the-bitcoin-blockchain/

[14] Investopedia. (2024). Why Do Cryptocurrencies Have Value? Retrieved from https://www.investopedia.com/ask/answers/041015/why-do-cryptocurrencies-have-value.asp

[15] Buterin, V. (2018). The Blockchain Trilemma. Vitalik.ca. Retrieved from https://vitalik.ca/general/2021/05/25/scalability.html (While not directly about value, it underpins technological strength)

[16] Reuters. (2022). Explainer: What drives cryptocurrency prices?. Retrieved from https://www.www.reuters.com/markets/currencies/what-drives-cryptocurrency-prices-2022-05-18/

[17] QuantConnect. (2021). Digital Scarcity: The Basis of Bitcoin’s Value. Retrieved from https://www.quantconnect.com/terminal/blogs/Digital-Scarcity-The-Basis-of-Bitcoins-Value/

[18] IMF. (2021). Cryptoassets and Financial Stability. Retrieved from https://www.imf.org/en/Publications/fandd/issues/2021/09/bitcoin-and-cryptocurrencies-financial-stability-garg

[19] World Economic Forum. (2022). How the crypto market is growing, and what’s next. Retrieved from https://www.weforum.org/agenda/2022/01/how-the-crypto-market-is-growing-and-what-s-next/*

[20] Bitcoin.org. (2024). What is Bitcoin? Retrieved from https://bitcoin.org/en/

[21] Ethereum.org. (2024). What is Ethereum? Retrieved from https://ethereum.org/en/what-is-ethereum/

[22] CoinMarketCap. (2024). What are Altcoins? Retrieved from https://coinmarketcap.com/alexandria/article/what-are-altcoins

[23] ConsenSys. (2022). What are ERC-20 Tokens? Retrieved from https://consensys.net/blog/blockchain-explained/what-are-erc-20-tokens/

[24] Binance Academy. (2023). What Are Utility Tokens? Retrieved from https://academy.binance.com/en/articles/what-are-utility-tokens

[25] Securities and Exchange Commission (SEC). (2017). Report of Investigation Pursuant to Section 21(a) of the Securities Exchange Act of 1934: The DAO. Retrieved from https://www.sec.gov/litigation/investreport/34-81207.pdf (Provides context on SEC’s view on security tokens)

[26] CoinMarketCap. (2024). What is a Stablecoin? Retrieved from https://coinmarketcap.com/alexandria/article/what-is-a-stablecoin

[27] Ethereum.org. (2024). Non-fungible tokens (NFTs). Retrieved from https://ethereum.org/en/nft/

[28] Investopedia. (2024). Cryptocurrency Trading: A Beginner’s Guide. Retrieved from https://www.investopedia.com/trading/cryptocurrency-trading-a-beginners-guide/

[29] CoinDesk. (2024). What Does ‘HODL’ Mean? Retrieved from https://www.coindesk.com/learn/what-does-hodl-mean/

[30] Binance Academy. (2023). What Is Cryptocurrency Mining? Retrieved from https://academy.binance.com/en/articles/what-is-cryptocurrency-mining

[31] Ethereum.org. (2024). Staking ETH. Retrieved from https://ethereum.org/en/staking/

[32] Coinbase Learn. (2023). What is crypto lending? Retrieved from https://www.coinbase.com/learn/crypto-basics/what-is-crypto-lending

[33] CoinDesk. (2024). What Is Yield Farming? Retrieved from https://www.coindesk.com/learn/what-is-yield-farming/

[34] Binance Academy. (2023). What Is A Crypto Airdrop? Retrieved from https://academy.binance.com/en/articles/what-is-a-crypto-airdrop

[35] Uniswap. (2024). Providing Liquidity. Retrieved from https://docs.uniswap.org/concepts/overview/liquidity-providers

[36] กรมสรรพากร. (2561). คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 161/2561 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินได้จากคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิทัล. https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/ratchakitcha/rd_news/Ord_Por_161.pdf

[37] กรมสรรพากร. (2561). คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 161/2561 (ข้อ 3).

[38] กรมสรรพากร. (2561). คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 161/2561 (ข้อ 2).

[39] พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561. (มาตรา 50 (2) (ฉ)). https://www.sec.or.th/TH/Documents/ActAndRegulations/DigitalAssetsAct.pdf

[40] KMPG Thailand. (2022). Taxation of Digital Assets in Thailand. Retrieved from https://kpmg.com/th/en/home/insights/2022/02/taxation-of-digital-assets-in-thailand.html

[41] กรมสรรพากร. (2561). คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 161/2561.

[42] สำนักงาน ก.ล.ต. (2566). ข่าว ก.ล.ต. ล่าสุด. (ค้นหาข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง). https://www.sec.or.th/TH/Pages/Newsroom/CurrentNews.aspx

[43] SEC.gov. (2023). Investor Alert: Be Cautious of Promoters of Digital Asset Securities. Retrieved from https://www.sec.gov/oiea/investor-alerts-bulletins/digitalassetsecuritiesia (Emphasizes importance of DYOR)

[44] สำนักงาน ก.ล.ต. (2567). ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/MarketData/DigitalAssetBusiness.aspx

[45] FATF. (2019). Guidance for a Risk-Based Approach to Virtual Assets and Virtual Asset Service Providers. (Section: KYC/AML). Retrieved from https://www.fatf-gafi.org/content/dam/fatf-gafi/guidance/Updated-Guidance-VA-VASP.pdf

[46] Investopedia. (2024). Fiat On-Ramp. Retrieved from https://www.investopedia.com/terms/f/fiat-on-ramp.asp

[47] Investopedia. (2024). How to Invest in Cryptocurrency. Retrieved from https://www.investopedia.com/articles/forex/110315/how-invest-cryptocurrency.asp

[48] Binance Academy. (2023). What Is a Crypto Wallet? Hot Wallets vs. Cold Wallets. Retrieved from https://academy.binance.com/en/articles/what-is-a-crypto-wallet-hot-wallets-vs-cold-wallets

[49] Ledger.com. (2024). What is a hardware wallet? Retrieved from https://www.ledger.com/academy/what-is-a-hardware-wallet

[50] Fidelity Investments. (2023). The Importance of Diversification. Retrieved from https://www.fidelity.com/learning-center/investment-products/etf/importance-of-diversification

[51] Securities and Exchange Commission (SEC). (2019). Investor Bulletin: Bitcoin and Other Virtual Currency Investments. Retrieved from https://www.sec.gov/oiea/investor-alerts-bulletins/ib_bitcoin.html (Provides guidance on risk management for crypto)

โฆษณา

Loading Next Post...
ติดตาม
Search Trending
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...