กรุงเทพมหานคร, 25 กรกฎาคม 2568 – สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเปิดตัวหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาการขั้นสูงทางชีวการแพทย์และการสร้างสรรค์ธุรกิจสุขภาพ (Master of Science in Advanced Biomedical Technology and Venture Creation in Healthcare) โดยมุ่งยกระดับบุคลากรให้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร
พิธีลงนามจัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าว โดยมี ศาสตราจารย์นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้
ส.อ.ท. ชี้ไทยพร้อมยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์ รับมือการแข่งขัน
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเตรียมพร้อมยกระดับเข้าสู่อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรและศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ประกอบกับแนวโน้มที่ผู้บริโภคให้ความสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค การส่งเสริมเศรษฐกิจโดยเน้นการผลิตและการบริโภคภายในประเทศจึงเป็นแนวทางสำคัญในการรับมือสถานการณ์นี้
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว ส.อ.ท. ได้จัดตั้ง คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ซึ่งครอบคลุม 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องสำอาง, เทคโนโลยีชีวภาพ, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์, ยา, สมุนไพร, รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม คลัสเตอร์นี้จะเป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้ประกอบการด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและเวชภัณฑ์กับหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังผลักดันนโยบาย Parts Transformation ที่มุ่งนำองค์ความรู้จากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้วงการแพทย์มีเครื่องมือที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล
“ส.อ.ท. เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องยกระดับด้วยการพัฒนาบุคลากรตั้งแต่สถานศึกษา เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรม ดังนั้น MOU ฉบับนี้จะช่วยยกระดับทักษะและเพิ่มกำลังแรงงานคุณภาพให้เพียงพอกับความต้องการในอนาคต เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการแพทย์ และต่อยอดให้อุตสาหกรรมการแพทย์ของประเทศสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน” นายอิศเรศ กล่าวเสริม
มหิดล มุ่งสร้างนวัตกรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานความรู้
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ความร่วมมือกับ ส.อ.ท. และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการพัฒนาหลักสูตรนี้ เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และการบริหารจัดการธุรกิจสุขภาพ เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากรรุ่นใหม่ให้สามารถสร้างนวัตกรรมและขับเคลื่อนประเทศไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้ (Knowledge-based Economy)
“ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการเรียน การสอน การวิจัย และการพัฒนาทักษะของผู้เรียนให้สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง ผ่านการมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างหลักสูตรที่มีความทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ และมาตรฐานสากล” ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร กล่าวเสริม
อย. พร้อมหนุนผลิตบุคลากรคุณภาพสูง รองรับอุตสาหกรรมอนาคต
นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวแสดงความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลงนาม MOU ครั้งนี้ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในด้านการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง ที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งอนาคต รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และโครงสร้างสังคม
“หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาการขั้นสูงทางชีวการแพทย์และการสร้างสรรค์ธุรกิจสุขภาพ มีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น biological product และ vaccine หรือหุ่นยนต์ทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการวินิจฉัย ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย อย. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมสนับสนุนการพัฒนาหลักสูตร การเรียนการสอน บุคลากรเพื่อเป็นอาจารย์หรือวิทยากรในการให้ความรู้เกี่ยวกับการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรม สนับสนุนการฝึกปฏิบัติงาน และเป็นแหล่งศึกษาดูงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงที่สอดคล้องกับความต้องการภาคอุตสาหกรรม สังคม และประเทศอย่างยั่งยืน” นายแพทย์สุรโชค กล่าวทิ้งท้าย
การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงภาคการศึกษาและอุตสาหกรรม เพื่อสร้างบุคลากรสมรรถนะสูง ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านวิทยาการชีวการแพทย์เชิงลึกและทักษะการเป็นผู้ประกอบการด้านธุรกิจสุขภาพ ซึ่งจะตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศสู่อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน