วันนี้ (16 ต.ค. 68) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงทุกประเด็นร้อน หลังจาก น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเงินบริจาคของ “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” และความสัมพันธ์กับ นายธรรมนัส พรหมเผ่า จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
กัน จอมพลัง กล่าวว่า ตนรู้สึกงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้กำลังมุ่งมั่นทำภารกิจอยู่ที่ชายแดน และไม่ทราบว่าสิ่งที่ น.ส.รักชนก ไม่พอใจคือเรื่องใด แต่จากที่จับประเด็นได้คือเรื่องการช่วยเหลือปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว เนื่องจากเคยทำงานร่วมกับตำรวจไซเบอร์ในเรื่องนี้มาโดยตลอด
กัน จอมพลัง ยอมรับว่าได้โพสต์ข้อความตัดพ้อในช่วงเช้าจริง เนื่องจากผลกระทบจากกระแสดังกล่าวทำให้ ถูกแบรนด์สินค้ายกเลิกงานไลฟ์สดมูลค่ากว่า 600,000 บาท ซึ่งตนเข้าใจการตัดสินใจของเจ้าของแบรนด์ แต่ก็ย้ำว่าตนยังคงเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ต้องทำมาหากินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว และนำเงินส่วนตัวไปสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือสังคม
สำหรับประเด็นเงินบริจาคของมูลนิธิฯ กัน จอมพลัง ชี้แจงว่า:
“ถ้าจะให้นับรายจ่ายในตอนนี้ มีเงินออกไปสนับสนุนภารกิจชายแดนมากกว่า 100 ล้านบาทแล้ว ซึ่งต้องย้อนกลับไปดูรายรับทั้งหมดตั้งแต่เสร็จสิ้นภารกิจตึก สตง.ถล่ม ว่ามีรายรับเข้ามากี่บาท หากรวบรวมจำนวนเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง”
เขายืนยันว่า ไม่เคยใช้เงินของมูลนิธิฯ เป็นการส่วนตัว เนื่องจากตนไม่มีอำนาจในการอนุมัติเบิกจ่าย และเงินทุกบาททุกสตางค์ของมูลนิธิฯ มีการจัดทำเอกสารส่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบทุกปี สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ทั้งหมด
กัน จอมพลัง ได้กล่าวถึงประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองว่า ตนไม่อยากถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยในตอนแรกเชื่อโดยสุจริตใจว่าที่ น.ส.รักชนก แท็กหา เป็นเพราะต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ แต่ภายหลังมาทราบจากความคิดเห็นต่าง ๆ ว่าเป็นการ “ปั่นและการแซะ”
ส่วนประเด็นความสัมพันธ์กับนายธรรมนัส พรหมเผ่า นั้น กัน จอมพลัง ตั้งคำถามว่า:
“ผมเข้าใจว่าหลายคนอาจไม่ชอบคุณธรรมนัส แต่ผมสงสัยว่า แล้วจำเป็นจะต้องไม่ชอบผมด้วยหรอ ทำไมถึงเกลียดผมไปด้วยโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
เขากล่าวว่าตนรู้จักนักการเมืองหลายคนจากทุกฝ่าย เนื่องจากการทำงานช่วยเหลือสังคมจำเป็นต้องประสานงานกับหลายหน่วยงาน จึงไม่อยากให้เอามาเชื่อมโยงกัน พร้อมยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่นว่า “จะไม่เล่นการเมืองเด็ดขาด”