ทุนเสมอภาค หรือแค่ยาแก้เฉพาะหน้า? วิกฤตหนี้ครัวเรือนฉุดรั้งโอกาสทางการศึกษาของเด็กยากจนไทย

กรุงเทพฯ – ในประเทศที่ความเหลื่อมล้ำทางสังคมยังคงสูง การศึกษาถูกมองว่าเป็นสะพานเชื่อมโอกาสสำหรับเด็กจากครอบครัวรายได้น้อย แต่ภายใต้ภาระหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ “ทุนเสมอภาค” ที่รัฐจัดสรรให้กำลังมอบโอกาสที่แท้จริง หรือเป็นเพียงยาแก้เฉพาะหน้า เพื่อประคองเด็กให้อยู่ในระบบการศึกษาเท่านั้น?


โอกาสที่เริ่มไม่เท่ากัน และความท้าทายของ “ทุนเสมอภาค”

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ริเริ่มโครงการ “ทุนเสมอภาค” เพื่อช่วยเหลือเด็กจากครัวเรือนยากจนพิเศษให้คงอยู่ในระบบการศึกษาภาคบังคับ โดยเฉพาะช่วงรอยต่อสำคัญ เช่น อนุบาล 3 สู่ประถม 1 หรือ มัธยม 3 สู่มัธยมปลาย ในปี 2568 มีเด็กกว่า 800,000 คน ได้รับทุนรวมกว่า 1,536 ล้านบาท โดยมูลค่าทุนอยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 7,200 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระดับความยากจนและระดับชั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจะดูสูง แต่เมื่อพิจารณาภาระค่าใช้จ่ายของแต่ละครัวเรือน ทุนเหล่านี้เป็นเพียงกลไกประคอง ไม่ใช่แรงผลักดันที่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง


ความยากจนที่มากกว่าตัวเลข และภาระค่าใช้จ่ายที่มองข้ามไม่ได้

ระบบคัดกรองผู้มีสิทธิรับทุนของ กสศ. ใช้วิธีประเมินรายได้ทางอ้อมผ่าน Proxy Means Test โดยให้ครูและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน แต่ในทางปฏิบัติยังคงเผชิญกับความท้าทาย เช่น ภาระงานของครู ข้อมูลที่ไม่อัปเดต และข้อจำกัดด้านทรัพยากรในพื้นที่ห่างไกล

ความยากจนของครัวเรือนไทยไม่ได้สะท้อนเพียงแค่ตัวเลขรายรับ แต่ปรากฏชัดผ่านค่าใช้จ่ายจริงที่ผู้ปกครองต้องแบกรับ ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหารกลางวัน ค่าเครื่องแบบ และอุปกรณ์การเรียน ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 500 ถึง 1,500 บาทต่อเดือน หรือราว 6,000 ถึง 18,000 บาทต่อปี สำหรับเด็กในโรงเรียนรัฐบาล

สำหรับครอบครัวยากจนมากที่มีรายได้เฉลี่ยเพียง 34 บาทต่อวัน (ต่ำกว่ามาตรฐานความยากจนของธนาคารโลกที่ 80 บาทต่อวัน) รายจ่ายด้านการศึกษาจึงเป็นภาระที่หนักอึ้ง เมื่อโอกาสทางการศึกษาของเด็กต้องแลกมากับการขาดแคลนอาหารหรือค่าใช้จ่ายพื้นฐานในครัวเรือน


หนี้ครัวเรือน: อุปสรรคใหญ่ของการศึกษาที่ไร้ทางเลือก

ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ว่า หนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาสแรกปี 2568 อยู่ที่ 16.35 ถึง 16.42 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 87.4% ของ GDP แม้จะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า แต่จำนวนหนี้เสียที่สูงถึง 1.19 ล้านล้านบาท และกระทบผู้กู้กว่า 5.15 ล้านราย ยังคงเป็นสัญญาณอันตรายว่าครอบครัวจำนวนมากไม่สามารถแบกรับรายจ่ายพื้นฐานได้

เมื่อสถานการณ์หนี้ครัวเรือนรุนแรง ผู้ปกครองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลดรายจ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และการศึกษาของบุตรหลานก็อาจกลายเป็นเรื่องรองไปโดยปริยาย แม้เด็กเหล่านี้จะยังอยู่ในระบบการศึกษาอย่างเป็นทางการ แต่ในทางปฏิบัติ พวกเขาอาจต้องหยุดเรียนบ่อยครั้งเพราะไม่มีค่าเดินทาง หรือไม่สามารถตามบทเรียนได้ทันเพราะขาดอุปกรณ์ขั้นพื้นฐาน


ช่องว่างที่ทุนไม่อาจถมได้: การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

หากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในระบบการศึกษาโดยรวม จะเห็นได้ชัดว่าช่องว่างไม่ได้จำกัดแค่รายได้ แต่ยังขยายไปถึงคุณภาพของโรงเรียนและโอกาสในอนาคต นักเรียนยากจนที่ได้รับทุนเฉลี่ยเพียงไม่กี่พันบาทต่อปี กำลังแข่งขันในระบบที่ใช้มาตรฐานเดียวกับเด็กที่มีต้นทุนสูงกว่าเป็นร้อยเท่า โรงเรียนเอกชนทั่วไปมีค่าใช้จ่ายปีละ 10,000-50,000 บาท ขณะที่โรงเรียนนานาชาติอยู่ที่ 150,000-900,000 บาทต่อปี ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมแรกเข้าและกิจกรรมเสริมอีกหลายหมื่นบาท

ในสภาพเช่นนี้ ความหวังที่จะใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือขยับฐานะ จึงไม่ต่างจากการปีนเขาโดยไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ใดๆ


การลงทุนระยะยาว: ไม่ใช่แค่เงิน แต่ต้องเปลี่ยนทั้งโครงสร้าง

แม้ทุนเสมอภาคจะมีส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา แต่หากหยุดอยู่แค่การแจกทุน เงินเหล่านี้ก็อาจเป็นเพียงยาแก้ปวดที่บรรเทาอาการได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถรักษาบาดแผลเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง

การลงทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาในระยะยาวจึงต้องไปไกลกว่าการให้เงินรายหัว ต้องครอบคลุมถึงการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กให้มีคุณภาพ เพิ่มครูที่มีความสามารถในพื้นที่ห่างไกล จัดระบบขนส่งนักเรียนที่ปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ครอบครัวสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเลือกระหว่าง “เงินวันนี้” กับ “โอกาสของลูกในอนาคต”

ในสังคมที่การศึกษายังคงเป็นทางรอดเดียวของคนจน การรักษาเด็กให้อยู่ในระบบจึงยังไม่เพียงพอ หากระบบนั้นไม่มีโครงสร้างที่แข็งแรงพอจะพาพวกเขาไปได้ไกลกว่าความยากจนในรุ่นพ่อแม่


คุณคิดว่าอะไรคือกลไกสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เด็กยากจนก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้อย่างแท้จริง?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *