อุบลราชธานี, 1 ส.ค. 2568 – วันนี้ (1 ส.ค. 68) เวลา 10.40 น. รัฐบาลไทยได้นำคณะผู้แทนทางการทูตจาก 23 ประเทศ และสื่อมวลชนต่างประเทศกว่า 150 คน ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และดูหลักฐานจริงจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่าการตอบโต้ของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักการป้องกันตนเอง หลังถูกโจมตีเป้าหมายพลเรือนด้วยอาวุธรุนแรง พร้อมประณามการบิดเบือนข้อมูลอย่างจงใจของกัมพูชา
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการดำเนินการที่เปิดกว้างและโปร่งใส โดยมีผู้แทนจากนานาชาติทั้งจากอาเซียน สหรัฐฯ จีน และอีกหลายประเทศเข้าร่วม เพื่อให้ประชาคมโลกรับทราบข้อมูลที่แท้จริง
พ.อ. พัฒนา พันธุ์มงคล ผู้แทนกรมข่าวทหารบก สรุปลำดับเหตุการณ์และข้อเท็จจริงว่า ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการยั่วยุตั้งแต่ต้นปี 2568 ผ่านกิจกรรมทั้งทางทหารและพลเรือน เช่น
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ ปืนใหญ่และจรวด BM-21 โจมตีเป้าหมายพลเรือน ลึกเข้าไปในประเทศไทย ตั้งแต่ รพ.พนมดงรัก ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน และบ้านเรือนในหลายจังหวัด ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 15 ราย และเสียชีวิตถึง 36 ราย (รวมเด็ก 1 คน) รวมถึงต้องอพยพประชาชนมากกว่า 150,000 คน
ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องตอบโต้ภายใต้หลักการ ป้องกันตนเอง (ตาม Article 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ) อย่างได้สัดส่วน โดยมีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายิงจากเขตพลเรือนและใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์
พ.อ. พัฒนา ยังได้ชี้แจงการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชาหลายประเด็น เช่น การกล่าวหาว่าไทยรุกราน การใช้ระเบิดเคมี หรือการใช้ F-16 โจมตี ซึ่งเป็นเท็จทั้งหมด
ด้าน นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารข้อมูลที่แท้จริงให้ประชาคมโลกรับทราบ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การเจรจาบนหลักการและความจริงใจ
ขณะที่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี รายงานผลกระทบว่า มีการอพยพประชาชนมากกว่า 20,000 คน ไปยังศูนย์พักพิงกว่า 68 แห่ง โดยจังหวัดอุบลราชธานีมีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย และมีความเสียหายต่อทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
หลังจากรับฟังการบรรยายสรุป ในช่วงบ่ายคณะจะเดินทางไปดูจุดที่ถูกกัมพูชายิงถล่มเข้าใส่พื้นที่ใช้งานของพลเรือน เช่น โรงพยาบาลและโรงเรียน เพื่อให้เห็นหลักฐานด้วยตาตนเองต่อไป