นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศจุดยืนชัดเจน พร้อมใช้กลไกสภาฯ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หากพบว่ามีการใช้อำนาจที่อาจสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ พร้อมย้ำหลักการแก้รัฐธรรมนูญของพรรค ต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ณ รัฐสภา นายณัฐพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงในขณะนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่รัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยืนกรานว่าต้องไม่มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 โดยนายณัฐพงษ์กล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นร่างของพรรคใดก็ตาม บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 2560 ล็อกไว้อยู่แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความขัดแย้งในการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเมื่อพรรคภูมิใจไทยยืนยันจะใช้ร่างของตนเองเป็นร่างหลัก นายณัฐพงษ์ตอบว่า พรรคประชาชนก็จะยืนยันในร่างของพรรคเช่นกัน ซึ่งท้ายที่สุดหากวิปแต่ละฝ่ายไม่สามารถเจรจาหาข้อสรุปได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับผลการลงมติในสภา
นายณัฐพงษ์ยังได้กล่าวถึงบทบาทการตรวจสอบรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน โดยยืนยันว่าจะไม่หยุดทำหน้าที่แม้จะอยู่ในระหว่างกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตาม
“ในระหว่างนี้ถ้าเราเห็นว่ามีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดของรัฐบาลที่อาจทำให้ประเทศเสียหายโดยที่ไม่สามารถเรียกคืนความเสียหายเหล่านั้นกลับมาได้อีก พรรคประชาชนจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ เช่น กลไกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ยังเป็นสิ่งที่เราเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา” หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าว
พร้อมกันนี้ ยังได้เชิญชวนให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้อำนาจของรัฐบาล เช่น การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม สามารถส่งข้อมูลมายังพรรคประชาชนเพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ได้ชี้แจงว่า แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่พรรคได้ตกลงไว้ในการโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการผลักดันเรื่องนี้จะสามารถนำไปแลกกับความเสียหายในประเด็นอื่นๆ ได้
“การดำเนินการทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง หรือการไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม หากรัฐบาลนำอำนาจไปใช้ทำให้ประเทศไทยเสียหาย เราเองก็ไม่สามารถที่จะยอมได้” นายณัฐพงษ์กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: ไทยรัฐ