ท่ามกลางข้อจำกัดด้านทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีทั้งถ่านหิน น้ำมัน หรือแม้แต่พื้นที่สำหรับตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ สิงคโปร์กำลังพิสูจน์ให้โลกเห็นถึงความมุ่งมั่นในการปฏิวัติโครงสร้างพลังงานของประเทศอย่างจริงจัง เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero)
จากเดิมที่ระบบไฟฟ้าของประเทศต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติมากถึง 95% วันนี้สิงคโปร์กำลังเดินหน้ากระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ผ่านกลยุทธ์หลักสองด้าน คือ การเร่งลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ภายในประเทศเท่าที่พื้นที่เอื้ออำนวย และการนำเข้าพลังงานหมุนเวียนจากต่างประเทศ
แม้ว่าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในระบบจะเพิ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.58% แต่ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ชัดเจน โดยโครงการที่โดดเด่นคือการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาอาคาร และโครงการโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) ในอ่างเก็บน้ำต่างๆ
หัวใจสำคัญของแผนการเปลี่ยนผ่านนี้คือ **การนำเข้าไฟฟ้าสะอาด** จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จแล้วในการนำเข้าไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ผ่านประเทศไทยและมาเลเซีย รวมถึงโครงการในอนาคตกับอินโดนีเซีย ซึ่งกลายเป็นกลยุทธ์หลักในการกระจายแหล่งพลังงานของชาติ
เป้าหมายต่อไปที่รัฐบาลสิงคโปร์ตั้งไว้นั้นชัดเจนและท้าทายอย่างยิ่ง คือ การนำเข้าไฟฟ้าคาร์บอนต่ำให้ได้ 6 กิกะวัตต์ (GW) ภายในปี ค.ศ. 2035 ซึ่งคิดเป็นประมาณ 30% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ภาคธุรกิจเองก็ขานรับนโยบายและร่วมเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนครั้งนี้ เช่น AWS (Amazon Web Services) ที่ลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์, DBS Bank ที่ประกาศนโยบายไม่ลงทุนในธุรกิจถ่านหินเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์ได้เปิดทางให้ภาคเอกชนสามารถยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าไฟฟ้าได้ในระยะยาวถึง 30 ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจและรับประกันความมั่นคงให้กับการลงทุน
การเคลื่อนไหวของสิงคโปร์จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแหล่งพลังงาน แต่คือการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอดและสร้างความสามารถในการแข่งขันในอนาคต และอาจกลายเป็น \”บทเรียนสำคัญ\” ให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เริ่มต้นลงมือทำอย่างจริงจัง