พนมเปญ, 26 ก.ค. 2568 – พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกมาแถลงข่าวอย่างดุดัน ประณามการกระทำของไทยว่า “รุกราน” และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง จากเหตุปะทะเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ที่หมู่บ้านเอกภาพ อำเภอเวียลแวง จังหวัดโพธิสัตว์ ซึ่งถูกอ้างว่าถูกปืนใหญ่จากฝั่งไทยโจมตีอย่างหนัก จนทำให้เจ้าหน้าที่กองทัพกัมพูชา (RCAF) เสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 21 นาย และที่สำคัญคือ มีพลเรือนกัมพูชาเสียชีวิตถึง 8 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 50 คน พร้อมทั้งได้กล่าวหาไทยว่าใช้กระสุนคลัสเตอร์และประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ชายแดน เพื่อขยายการรุกราน
เพื่อรับมือกับสถานการณ์การสู้รบที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทางการกัมพูชาได้ดำเนินการอพยพพลเรือนแล้ว 35,829 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสูงทั่วจังหวัดพระวิหาร อุดรมีชัย และโพธิสัตว์
กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 00.35 น. ของคืนก่อนหน้า ในเรื่องการรุกรานอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรกัมพูชาโดยไทย โดยระบุว่า เช้าตรู่ของวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ราชอาณาจักรไทยได้ “เปิดฉากโจมตีทางทหารต่อราชอาณาจักรกัมพูชาโดยเจตนา ไม่มีการยั่วยุ และผิดกฎหมาย”
แถลงการณ์ระบุว่า การกระทำที่รุกรานอย่างโจ่งแจ้งนี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ โดยเฉพาะข้อ 2(4) ที่ห้ามการคุกคามหรือใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนหรือเอกราชทางการเมืองของรัฐใด ๆ
กัมพูชากล่าวหาว่าไทยได้ส่งกำลังทหารจำนวนมหาศาล รวมถึงกำลังพลภาคพื้นดิน ปืนใหญ่ เครื่องบินขับไล่ F-16 และ “กระสุนคลัสเตอร์” เข้ามาในพื้นที่
พลโท มาลี โสเจียตา กล่าวว่า การโจมตีที่ไม่เลือกหน้าและไม่สมส่วนเหล่านี้ได้เล็งเป้าหมายและทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนอย่างชัดเจน รวมถึง เจดีย์ ศูนย์สุขภาพ ปั๊มน้ำมัน ตลาด หมู่บ้าน และปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นมรดกโลก ส่งผลให้ชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะสตรี เด็ก และผู้สูงอายุ ตกอยู่ในอันตรายอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน
แทนที่จะดำเนินการเพื่อลดความตึงเครียด กัมพูชากล่าวหาว่าไทยกลับเพิ่มความเข้มข้นทางการทหาร โดยประกาศใช้ “กฎอัยการศึก” ที่จังหวัดตราดและจันทบุรี ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดเกาะกงและโพธิสัตว์ของกัมพูชา และเริ่มระดมกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ในพื้นที่ตามแนวจังหวัดบันทายมีชัยของกัมพูชา ภายใต้แผนเตรียมพร้อมรบที่เรียกว่า “จักรพงศ์ภูวนาถ”
การเตรียมการทางทหารอย่างจงใจเหล่านี้ เผยให้เห็นเจตนาของไทยที่จะขยายการรุกรานและละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาต่อไป ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงที่ไทยได้กล่าวอ้าง รวมถึงข้อกล่าวอ้างเท็จเกี่ยวกับทุ่นระเบิด ล้วนเป็นข้ออ้างที่ถูกสร้างขึ้นอย่างชัดเจนเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการรุกรานในวงกว้าง และแสดงให้เห็นถึงการเพิกเฉยอย่างโจ่งแจ้งต่อพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
พลโท มาลี โสเจียตา ได้กล่าวเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ, อาเซียน, พันธมิตรระหว่างประเทศ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง “ประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการรุกรานและการรุกรานของไทยต่อกัมพูชา”
กัมพูชาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทันทีเพื่อป้องกันการขยายปฏิบัติการทางทหารของไทย รับรองการเคารพบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาอย่างเต็มที่ และเรียกร้องให้ไทยรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ อนุสัญญาเจนีวา และสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้