ยกเครื่องกฎหมายเอาผิด “สงฆ์-ฆราวาส” ทำศาสนาเสื่อม

วิกฤตศรัทธา “สีกากอล์ฟ” จี้รัฐยกเครื่องกฎหมาย! สำนักพุทธฯ เตรียมปัดฝุ่น พ.ร.บ. คุ้มครองศาสนา คุมเข้มทั้งพระ-ฆราวาส

กรณีอื้อฉาวระหว่างสีกากับพระชั้นผู้ใหญ่นับสิบรูป ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “ฝีหนองแตก” โดย นายประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธทนายกองทัพธรรม ได้สร้างวิกฤตศรัทธาระลอกใหญ่ในวงการผ้าเหลืองของไทย ถึงแม้พระภิกษุที่ประพฤติผิดทางธรรมวินัยร้ายแรงถึงขั้น “ปาราชิก” และลาสิกขาไปแล้ว แต่คำถามเกี่ยวกับบทลงโทษทางกฎหมายยังคงเป็นประเด็นคาใจในหมู่ชาวพุทธ

ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ การลาสิกขาจากกรณีเสพเมถุนนั้น เป็นความผิดทางธรรมวินัยที่ร้ายแรงที่สุด แต่ในทางกฎหมายกลับไม่มีบทลงโทษโดยตรง ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องจากสังคมว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องยกเครื่องกฎหมายเพื่อจัดการทั้งกับบุคคลภายนอกและพระสงฆ์ที่ประพฤติเสื่อมเสีย เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้ลอยนวลหลังการกระทำผิด


จุดอ่อนกฎหมายไทย: ขาดบทลงโทษโดยตรงในคดีเสพเมถุน

นายประยุทธ ประเทศเสนา ชี้ว่า การที่กรณีเสพเมถุนไม่มีโทษทางกฎหมายโดยตรง เป็นจุดอ่อนที่ทำให้ทั้งฆราวาสและพระนอกแถวไม่เกรงกลัว เมื่อถูกจับได้ ถูกประณาม และจับสึก ก็ถือว่าเรื่องจบลง หรือบางรายอาจกลับมาบวชใหม่ สร้างความมัวหมองซ้ำเติมให้กับพระพุทธศาสนา

การพิจารณาความผิดของพระสงฆ์นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับ 3 ส่วนหลัก ได้แก่:

  • หลักพระธรรมวินัย: อิงตามพระไตรปิฎก
  • พระราชบัญญัติคณะสงฆ์: ดูจากกฎระเบียบและมติของมหาเถรสมาคม รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
  • กฎหมายบ้านเมือง: เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์, ประมวลกฎหมายอาญา, และ พ.ร.ป. ป.ป.ช.

ปัญหาคือ ขั้นตอนการพิจารณาทั้งสามส่วนนี้มีความยิบย่อยและไม่ได้มีบทบัญญัติลงโทษที่เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในการเชื่อมโยงและลงโทษผู้กระทำผิด


เทียบต่างประเทศ: กฎหมายเข้มแข็งกว่า

ไทยยังคงมีความหละหลวมในเรื่องกฎหมายและบทลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญากับฆราวาสและพระสงฆ์ในกรณีเสพเมถุน ซึ่งแตกต่างจากประเทศที่นับถือพุทธเถรวาทเช่นเดียวกัน:

  • สปป.ลาว: มีบทลงโทษจำคุก 6 เดือน – 3 ปี และปรับ 500,000 – 3,000,000 กีบ (คิดเป็นกระทงความผิด)
  • เมียนมาและศรีลังกา: มีศาลสงฆ์พิจารณาความผิดของพระสงฆ์และฆราวาสที่บิดเบือนคำสอน ส่วนศาลบ้านเมืองมีหน้าที่ลงโทษ

สำนักพุทธฯ ปัดฝุ่นร่าง พ.ร.บ. ใหม่: คุมเข้มทั้งพระ-ฆราวาส

ท่ามกลางวิกฤตศรัทธานี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จึงถือโอกาสปัดฝุ่น ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งเคยยกร่างไว้ตั้งแต่ปี 2564-2565 โดยมีเนื้อหาสำคัญที่มุ่งเอาผิดทั้งคนนอกที่เข้ามากระทำผิด และพระสงฆ์ที่ประพฤติเสื่อมเสีย

ร่างกฎหมายฉบับนี้ระบุว่า พระภิกษุที่อาบัติปาราชิก จะต้องโทษจำคุก 1–7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000–140,000 บาท นอกจากนี้ ฆราวาสที่สมัครใจเสพเมถุนกับพระหรือเณร ไม่ว่าเพศใด จะมีโทษจำคุกและปรับเช่นเดียวกัน รวมถึงพระภิกษุที่อวดอุตริ บอกหวย หรือทดลองของขลัง ก็จะต้องโทษจำคุก 1–7 ปี หรือปรับ 20,000–140,000 บาท

นักกฎหมายด้านพุทธศาสนาระบุว่า การจัดทำร่างกฎหมายนี้จะต้องมีการทำประชาคมร่วมกันทั้งจากฝ่ายคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน เพื่อให้เกิดความเห็นชอบและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *