อังกฤษ-สหรัฐฯ จับมือทลาย “ฟาร์มสแกมเมอร์” ในอาเซียน หลังพบค้ามนุษย์-ทรมานเหยื่อ-สร้างความเสียหายทั่วโลก

สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งสำคัญต่อเครือข่ายอาชญากรรมทางไซเบอร์ระดับโลก ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยมีเป้าหมายเพื่อทลาย “ศูนย์สแกมเมอร์” มูลค่าหลายพันล้านปอนด์ ที่อยู่เบื้องหลังการหลอกลวงประชาชนทั่วโลก และพัวพันกับการค้ามนุษย์และการทรมานแรงงานอย่างโหดเหี้ยม

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างสองชาติมหาอำนาจ เพื่อจัดการกับภัยคุกคามข้ามชาติที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเพื่อสร้างความปลอดภัยจากการหลอกลวงทางไซเบอร์ให้กับพลเมืองทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคอาเซียน

“วิกฤตสิทธิมนุษยชนที่น่าตกใจ”

รายงานระบุว่า ศูนย์สแกมเมอร์ที่ตั้งอยู่ในอาเซียนได้หลอกลวงเหยื่อทั่วโลกใน “ระดับอุตสาหกรรม” โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเมินว่าในปี 2566 เพียงปีเดียว ได้สร้างความเสียหายจากการฉ้อโกงทางไซเบอร์เป็นมูลค่าสูงถึง 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท)

เบื้องหลังปฏิบัติการเหล่านี้คือการ “ค้ามนุษย์” โดยมีการหลอกลวงชาวต่างชาติหลายหมื่นคนจากกว่า 50 ประเทศ มาทำงานในศูนย์สแกมเมอร์ ซึ่งมักจะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะหรือในคาสิโนร้าง เหยื่อเหล่านี้ถูกกักขังในสภาพที่ไร้มนุษยธรรม ถูกบังคับให้ทำการฉ้อโกงทางออนไลน์ และหากไม่ทำตามเป้าจะถูกข่มขู่ว่าจะ ทุบตี, ใช้ไฟฟ้าช็อต หรือถูกขายต่อไปยังเครือข่ายอื่น ซึ่งองค์การแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Amnesty International) ได้อธิบายสถานการณ์นี้ว่าเป็น “วิกฤตสิทธิมนุษยชนที่น่าตกใจอย่างมาก”

มาตรการคว่ำบาตรเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง

ด้วยเหตุนี้ สหราชอาณาจักรจึงได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ เพื่อประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรเครือข่ายเหล่านี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดโปง, ขัดขวางการดำเนินงาน และตัดท่อน้ำเลี้ยงทางการเงิน เพื่อปกป้องพลเมืองของตนเองและชาวอาเซียนจากผลกระทบที่สร้างความเสียหาย

นายสตีเฟน ดาวตี้ รัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร กล่าวว่า:

“ศูนย์สแกมเมอร์ฉ้อโกงเงินของชาวสหราชอาณาจักรที่หามาได้อย่างยากลำบาก อีกทั้งยังจับเหยื่อซึ่งมีความเปราะบางเอาไว้ภายในศูนย์เหล่านั้น เราจึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด… ศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้เป็นภัยคุกคามข้ามชาติที่ต้องมีการดำเนินการร่วมกัน เพื่อยับยั้งกระแสการเงินที่ผิดกฎหมายซึ่งคุกคามต่อสิทธิมนุษยชน การเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ”

รัฐมนตรีฯ ดาวตี้ ย้ำว่า สหราชอาณาจักรตระหนักถึงอันตรายที่เกิดจากการเงินที่ผิดกฎหมายต่อภูมิภาคนี้ และมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน เพื่อสนับสนุนความพยายามในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ต่อไป

การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดของการทำงานอย่างแข็งขันของสหราชอาณาจักรในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2566 ก็ได้มีการคว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์เพื่อบังคับให้ทำงานในศูนย์สแกมเมอร์มาแล้ว

อ้างอิง: สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย (British Embassy Bangkok)