พนมเปญ, กัมพูชา – กองทัพกัมพูชาเตรียมเริ่มบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารพลเรือนในปีหน้า โดยนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568 ว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับประเทศไทยเป็นเหตุผลสำคัญในการนำกฎหมายภาคบังคับซึ่งถูกระงับมานานกลับมาบังคับใช้
กฎหมายที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภากัมพูชาในปี 2006 กำหนดให้ชาวกัมพูชาทุกคนที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 30 ปี ต้องรับราชการทหารเป็นเวลา 18 เดือน อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้ไม่เคยถูกบังคับใช้จริงนับตั้งแต่มีการประกาศใช้
ปะทะชายแดน จุดชนวนเกณฑ์ทหารภาคบังคับ
ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและประเทศไทยตึงเครียดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่ยืดเยื้อได้ลุกลามกลายเป็นการปะทะข้ามพรมแดนบริเวณ “สามเหลี่ยมมรกต” ซึ่งเป็นจุดบรรจบของพรมแดนไทย กัมพูชา และลาว จนทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตหนึ่งนาย
“การเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นบทเรียนสำหรับเรา และเป็นโอกาสให้เราได้ทบทวน ประเมิน และกำหนดเป้าหมายเพื่อปฏิรูปกองทัพ” ฮุน มาเนตกล่าวในพิธีการ ณ ศูนย์ฝึกอบรมทหารราบในจังหวัดกำปงชนัง ทางตอนกลางของประเทศ พร้อมย้ำว่า “ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎหมายเกณฑ์ทหารจะเริ่มมีผลบังคับใช้”
ฮุน มาเนตยังกล่าวด้วยว่า ระยะเวลาการรับราชการทหารจะขยายจาก 18 เดือนที่ระบุไว้ในกฎหมายเดิม เป็น 24 เดือน และให้คำมั่นว่าจะพิจารณาเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของกัมพูชา “การป้องกันประเทศและการสร้างกองทัพของเราไม่ได้มุ่งไปที่การรุกรานดินแดนของใคร แต่มุ่งไปที่การปกป้องดินแดนของเรา” เขากล่าวเสริม
ผลกระทบข้ามพรมแดน: ปิดด่านชายแดน-วิกฤตการเมืองไทย
เหตุการณ์ปะทะชายแดนส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลพนมเปญและกรุงเทพฯ ย่ำแย่ลง นำไปสู่การ ปิดด่านชายแดน และกัมพูชาสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซจากประเทศไทย
นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทย โดย นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ถูกพักงานเพื่อสอบสวนเรื่องจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมของเธอ จากกรณีการสนทนาทางโทรศัพท์กับ ฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ที่มีการรั่วไหลของข้อมูลจนนำไปสู่การสอบสวนทางกฎหมาย
อนึ่ง ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน มีการเกณฑ์ทหารสำหรับชายหนุ่มอยู่แล้ว โดยให้เข้าร่วมการจับสลากเพื่อตัดสินว่าต้องเข้ารับราชการทหารหรือไม่