กรุงเทพฯ/นครราชสีมา, 27 ก.ค. 2568 – ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด ยังคงมีการปะทะต่อเนื่องใน 7 พื้นที่สำคัญ และเกิดเหตุสลดเมื่อพลเรือนเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายที่ศรีสะเกษ จากการถูกจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชา ส่งผลให้ยอดพลเรือนเสียชีวิตสะสมรวม 14 ราย บาดเจ็บ 37 ราย ขณะที่กำลังพลทหารไทยเสียชีวิตรวม 8 นาย และบาดเจ็บ 103 นาย ยอดผู้อพยพพุ่งสูงกว่า 1.3 แสนคน
การปะทะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลายแห่ง โดยเฉพาะที่ ช่องตาเฒ่า, เขาพระวิหาร, ภูมะเขือ, ช่องจอม, ปราสาทตาควาย, และปราสาทตาเมือน ขณะที่กองทัพไทยยังคงสามารถควบคุมพื้นที่ ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้ตามแนวเส้นปฏิบัติการแผนที่ 1:50,000
กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่า การปฏิบัติการของฝ่ายกัมพูชาเป็นการใช้อาวุธอย่างไม่มีรูปแบบและไม่เป็นไปตามกฎการปะทะ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อเวลา 06:30 น. ของวันนี้ ที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงจรวดจากสนามบินกรุงสำโรงจำนวน 4 นัด เข้ามาในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้มี พลเรือนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลศรีสะเกษแล้ว นอกจากนี้ ยังทำให้บ้านเรือนประชาชนไทยเสียหาย 2 หลัง และสัตว์เลี้ยงตาย 5 ตัว
บริเวณ หน้าเขาพระวิหาร ยังคงมีการสู้รบอย่างดุเดือด โดยกัมพูชาใช้พลซุ่มยิงจากบริเวณปราสาทฯ ขณะที่บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม ฝ่ายไทยได้ใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้การเข้าตีของกัมพูชาจนต้องถอนกำลังกลับไป
สถานการณ์ความขัดแย้งส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยยอดสรุป ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 มีดังนี้:
ขณะที่ยอดผู้อพยพที่ต้องเข้าพักพิงในศูนย์พักพิงชั่วคราว 7 จังหวัดชายแดน เพิ่มขึ้นเป็น 139,646 คน โดยจังหวัดศรีสะเกษมีจำนวนผู้อพยพสูงสุดที่ 62,691 คน
ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย จิตอาสาพระราชทานใน 4 จังหวัดหลัก ซึ่งประกอบด้วยจิตอาสา 904, จิตอาสาประชาชน และ รด.จิตอาสา รวมกว่า 2,800 คน ได้เข้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงครัวพระราชทาน 7 แห่ง และรถครัว 9 คัน ได้ผลิตข้าวกล่องแจกจ่ายให้แก่ผู้อพยพไปแล้วรวม 125,100 กล่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น