บริษัท อีสท์วอเตอร์ สเตคอน ยูทิลิตี้ส์ จำกัด (EWS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ และ บริษัท สเตคอน พาวเวอร์ จำกัด ในเครือ STECON Group ได้ประกาศลงนามสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมกับ บริษัท บริดจ์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ไอไอไอ (ประเทศไทย) จำกัด (BDC) ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูล (Data Center) ชั้นนำจากสิงคโปร์ เพื่อสนับสนุนโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ (Hyperscale) ในจังหวัดชลบุรี
ภายใต้สัญญาดังกล่าว EWS จะเป็นผู้ผลิตและส่งมอบน้ำอุตสาหกรรมจากระบบผลิตน้ำส่วนกลาง (Centralized Plant) ให้แก่โครงการของ BDC โดยมี อีสท์ วอเตอร์ เป็นผู้จัดหาน้ำดิบ สัญญานี้มีอายุ 10 ปี โดยมีความต้องการใช้น้ำสูงสุด 3.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี (เฉลี่ย 9,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน) และจะเริ่มรับน้ำในเดือนพฤษภาคม 2569 เป็นต้นไป
โครงการดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของ BDC ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลคลองตำรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ โดยในระยะที่ 1 จะมีกำลังไฟฟ้ารองรับประมาณ 200 เมกะวัตต์ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการนี้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI และนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัล (Digital Hub) ระดับภูมิภาค
ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพของกลุ่มบริษัทอีสท์ วอเตอร์ ในฐานะผู้นำด้านการบริหารจัดการน้ำครบวงจร ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งต้องการความมั่นคงของสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในระดับสูงสุด
นายสัมพันธ์ ชนะบูรณาศักดิ์ กรรมการ STECON Power เปิดเผยว่า ความร่วมมือนี้เป็นการผสานความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของ STECON Power เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำของ อีสท์ วอเตอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม Data Center ซึ่งต้องการน้ำคุณภาพสูงและมีความต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ศูนย์ข้อมูลดำเนินการได้อย่างปลอดภัย
นายบดินทร์ อุดล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อีสท์ วอเตอร์ กล่าวว่า “การขยายสู่การผลิตน้ำอุตสาหกรรมสำหรับโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ในวันนี้ ถือเป็นการต่อยอดภารกิจของเราในมิติของ ‘สาธารณูปโภคเพื่ออุตสาหกรรมแห่งอนาคต’ เพราะศูนย์ข้อมูลขนาด Hyperscale คือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนา EEC ให้เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาค”
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับโครงการดาต้าเซ็นเตอร์เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างรากฐานให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Digital Hub ของภูมิภาคได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป