วันนี้ (16 ตุลาคม 2568) พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินงานของตำรวจไซเบอร์ ภายหลังจากที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา (DOJ) ได้เข้ายึดบิตคอยน์ของเครือข่าย เฉิน จื้อ หรือ วินเซ็นต์ ผู้ก่อตั้ง Prince Group ในกัมพูชา ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุด
ผบช.สอท. ระบุว่า หลังจากนี้จะมีการเข้าพูดคุยกับตัวแทนของสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการยึดทรัพย์ โดยจะตรวจสอบว่ากระบวนการยุติธรรมในสหรัฐฯ สิ้นสุดแล้วหรือไม่ หากสิ้นสุดแล้ว จะพิจารณาต่อว่าทรัพย์สินดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดในประเทศไทยหรือไม่ หากพบความเชื่อมโยง บช.สอท. จะประสานงานผ่านช่องทางการทูตเพื่อขออายัดทรัพย์สินนั้นกลับมายังประเทศไทย ซึ่งจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป
พล.ต.ท.สุรพล ยังได้กล่าวถึงประเด็นการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ที่ถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งถูกเปรียบเทียบกับการทำงานของประเทศเกาหลีใต้ที่ส่งทีมเฉพาะกิจเข้ากัมพูชาทันที โดยเปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่ง ตั้งคณะกรรมการทำงานขึ้นมาเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะแล้ว และคาดว่าจะมีการเรียกประชุมเพื่อวางแนวทางดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท. เสริมว่า ตำรวจไซเบอร์ได้มีการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเร่งด่วน และจะดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยเน้นทำงานทั้งในเชิงป้องกันและปราบปรามควบคู่กันไป
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ชี้ว่า ปัญหาการหลอกลวงคนไปทำงานส่วนใหญ่เริ่มต้นมาจากการ เปิดเพจเฟซบุ๊กเชิญชวนรับสมัครงาน แต่เมื่อเดินทางไปกลับถูกบังคับให้เข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้น ตำรวจไซเบอร์จึงจำเป็นต้องเร่ง ตรวจสอบและปิดกั้นเพจหลอกลวงและเว็บไซต์พนันออนไลน์ ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับกรณีที่มีรายงานข่าวว่าครอบครัวของนายฮุนเซนเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งอาจเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่นั้น รอง ผบช.สอท. ยืนยันว่า ตำรวจ สอท. ได้ติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง และขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล เนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่